Sunday, December 9, 2007

บทสนทนาที่มาจากสถานการณ์ที่พบในห้องเรียน

สถานการณ์ที่ 1 : นักเรียนมาเรียนน้อยมากในช่วงเปิดเทอม

Teacher : Why do you come to school ?
(แปล) นักเรียนมาโรงเรียนทำไม
Student : I come to school because I want to check my e-mail.
(แปล) หนูมาโรงเรียนเพราะอยากมาเช็คอีเมล์
หรือนักเรียนอาจตอบโดยใช้เหตุผลอื่นก็ได้ แล้วส่ง e-mail ให้ครูเช่น
-because I want to use computer.
-because I miss my friends.
-because I want to hand in my homework.
-because I want to learn.
-because I want to ride my motorcycle.
-because I want to get on the bus.


โครงสร้างไวยากรณ์ : Present Simple Tense ปัจจุบันกาล
การใช้ want to ต้องตามด้วยกริยาช่อง 1

คำศัพท์
check = ตรวจ use = ใช้ miss = คิดถึง
learn = เรียนรู้ ride = ขี่ get on = ขึ้นรถ



สถานการณ์ที่2 : นักเรียนเข้าห้องเรียนช้า
Teacher : Where have you been?
(แปล) เธอไปอยู่ที่ไหนมา
Student : We have been to the toilet.
พวกเราไปห้องน้ำมาค่ะ

บางคนมาทีหลังก็ตอบตามเหตุผลของตนเช่น
I have been to the copy shop.
I have been to the post office.
I have been to Mall.

เคยดูหนังฝรั่งเมื่อมีคนถามเช่นนี้เขาตอบว่า I got sick. (ฉันป่วยจ้ะ)
อาจตอบโดยใช้กริยาช่องที่ 2 ก็ได้

โครงสร้างไวยากรณ์ :
Present Perfect (have+กริยาช่องที่ 3)
Past Simple Tense (อดีต) ใช้กริยาช่องที่ 2
ศึกษาเรื่อง Past Simple และ Present Perfect

คำศัพท์ :
toilet = ห้องน้ำ copy shop = ร้านถ่ายเอกสาร
post office = ที่ทำการไปรษณีย์ Mall = ห้างสรรพสินค้า








สถานการณ์ที่ 3 : นักเรียนไม่ยอมเปิดหน้าต่าง
Teacher : Why don't you open the windows?
(แปล) ทำไมไม่เปิดหน้าต่างคะ

students : Because it is cold
(แปล) เพราะอากาศหนาวค่ะ

หรืออาจฝึกการตอบ Why don't .......?โดยการตั้งคำถามง่ายๆ

คำศัพท์ : listen = ฟัง

teacher : Why don't you listen to me?

(แปล) ทำไมนักเรียนไม่ฟังครูคะ

Students : Because we are talking .
(แปล) เพราะหนูกำลังคุยกันค่ะ

โครงสร้างไวยากรณ์ : Present Continuous Tense (ใช้ is,am , are + กริยาเติม ing)





สถานการณ์ที่ 4 : นักเรียนหยิบปากกาหลากหลายสีมาไว้บนโต๊ะ

Teacher : How many colours do you have?

(แปล) เธอมีกี่สีคะ

Student : I have twelve colours. (แปล) หนูมี 12 สีค่ะ
Teacher : What colour do you like?
(แปล) เธอชอบสีอะไร

Student : I like purple. (แปล) หนูชอบสีม่วงค่ะ
Teacher : Where did you buy them ?
(แปล) เธอซื้อมาจากที่ไหน
Student : I bought them from the school co-operative.
(แปล) หนูซื้อมาจากสหกรณ์โรงเรียน
teacher : How much does it cost?
(แปล) ครูหยิบขึ้นมา 1 ด้ามแล้วถามว่า "ด้ามละเท่าไรคะ"
Student : It costs five baht .
(แปล) ราคาด้ามละ 5 บาทค่ะ

โครงสร้างไวยากรณ์ : การใช้ how many ถามว่า "เท่าไร" ใช้กับคำนามที่ นับได้
how much = ราคาเท่าไร และใช้กับคำนามที่ นับไม่ได้

คำศัพท์เกี่ยวกับสี
red = สีแดง , orange = ส้ม, green = เขียว , blue = ฟ้า ,purple = ม่วง ,black = ดำ ,

brown = น้ำตาล, yellow = เหลือง , pink = ชมพู

สถานการณ์ที่ 5 : ช่วงก่อนเทศกาลลอยกระทง 24 พฤศจิกายน 2550

Teacher : Did you go to Loy Krathong Festival last year?

(แปล) ปีกลายนักเรียนไปลอยกระทงหรือเปล่า

Student : Yes, I did. (แปล) ไปค่ะ

Teacher : Where did you go ?

(แปล) เธอไปลอยกระทงที่ไหน

Student : I went to Wat Ban Kham.

(แปล) หนูไปลอยกระทงที่วัดบ้านขาม

Teacher : What did you put in your krathong?

(แปล) เธอใส่อะไรในกระทง

Student : I put a candle , three incense sticks, some flowers and a coin.

(แปล) หนูใส่เทียน 1 เล่ม ,ธูป 3 ดอก ,ดอกไม้ และ เงินเหรียญ

โครงสร้างไวยากรณ์ :

-Past Simple tense (อดีต) คือ ใช้กริยาช่องที่ 2

คำศัพท์ : where = ที่ไหน, go/went = ไป , coin = เงินเหรียญ,

flower = ดอกไม้, candle = เทียน, incense stick = ธูป,

festival = เทศกาล, teacher = ครู, last year = ปีกลาย

สถานการณ์ 6 : วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2550 อำเภอขามสะแกแสงได้จัดงานวันพริก หลังจากวันนั้นครูจึงถามในห้องเรียน

Teacher : Did you go to Chillis Festival on Friday?
(แปล) นักเรียนได้ไปเที่ยวงานวันพริกเมื่อวันศุกร์หรือเปล่าคะ

Student : Yes, I did.(แปล) ไปค่ะ

Teacher : Would you like to see those pictures ?

(แปล) อยากดูภาพไหมคะ

Student : Sure. (แปล) อยากดูค่ะ

Teacher : Okey. Open my blog. Do you know?

(แปล) ถ้างั้นก็เปิดบล็อกของครูซิ รู้ไหมว่าบล็อกไหน

Student : Yes, I do.

(แปล) ทราบค่ะ

ศัพท์ยาก : chilli = พริก, festival =เทศกาล , Friday = วันศุกร์ , want = ต้องการ ,

see = ดู , those = เหล่านั้น , picture = รูป , go= ไป , blog = บล็อก , know= รู้ ,รู้จัก

โครงสร้างไวยากรณ์ : Grammar

Present Simple Tense (ปัจจุบันกาล)

Past Simple tense (อดีตกาล)


สถานการณ์ที่ 7 : อุณหภูมิเขตอำเภอขามสะแกแสงวันที่ 30 พ.ย. 50 คือ 18 องศาเซลเซียส

บทสนทนา(1)

Teacher : How is the weather today?

(แปล) อากาศวันนี้เป็นอย่างไรคะ

Student : It is cold . ก็หนาวค่ะ

อาจตอบอย่างอื่นได้เช่น

Student : It's cool. (เย็นสบายดีค่ะ)

It's warm. (อบอุ่นค่ะ)

It's hot. (ร้อนค่ะ)

It's beautiful. (อากาศดีค่ะ)

สนทนาต่อ(2)

Teacher : I know . It's eighteen celcious .

(แปล) ครูรู้ค่ะว่ามันหนาว ก็ 18 องศานี่คะ

ทันใดก็เหลือบไปเห็นนักเรียนกำลังเปิดสมุดกันอยู่สองคนจึงถามว่า

Teacher : What are you looking at ?

(แปล) กำลังดูอะไรกันน่ะ

Students : We are looking at some photos of football players.

(แปล) พวกผมกำลังดูรูปนักฟุตบอลครับ

คำศัพท์ : how = อย่างไร, weather = อากาศ, today = วันนี้ , cool = เย็น , warm = อบอุ่น ,

know = รู้ , celcious = เซลเซียส , look at = ดู , photo = รูป , football player = นักฟุตบอล

โครงสร้างไวยากรณ์

1. Present Simple Tense (ปัจจุบันกาล)

2. Present Continuous Tense (แสดงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น)

สถานการณ์ที่ 8 : เริ่มกล้าพูดกับครูฝรั่ง

เมื่อนักเรียนได้ฝึกโต้ตอบกับครูทุกชั่วโมง ทำให้กล้าที่จะเปิดฉากถามครูฝรั่งว่า

Udorn : Do you speak Thai?

(แปล) อุดรถามว่า "คุณพูดภาษาไทยหรือเปล่า"

John : No, I don't speak Thai.

(แปล) ผมไม่พูดภาษาไทย

จากนั้นอุดรก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาครู ถามว่า "ครูครับ..ทำไมเขาพูดไทยไม่ได้ครับ"

ครูก็ถามต่อว่า แล้วถ้าครู John ถามเธอว่า Do you speak English? ล่ะ เธอจะตอบว่าอย่างไร

อุดร : ผมก็จะตอบว่า "No."

ครูแนะนำว่า เธอตอบอย่างนี้ก็ได้นะ

"Yes, but a little."

(แปล) พูดได้นิดหน่อยครับ



สถานการณ์ที่ 9 : วันนี้ครูต้องการให้นักเรียนเปิดบล็อก

เพื่ออ่านบทสนทนา แล้วตอบคำถาม ส่งการบ้านทาง e-mail แต่ได้ยินเสียงร้องเบาๆ ครูคิดว่านักเรียนน่าจะมีปัญหา จึงถามว่า

Teacher : What do you do after lunch?

(แปล) นักเรียนทำอะไรหลังอาหารเที่ยง

Student : I study .

(แปล) หนูอ่านหนังสือค่ะ

บางคนอาจตอบว่า sit and talk (นั่งคุย)

eat sweet (กินขนม)

play chess(เล่นหมากฮอส)

play football (เล่นฟุตบอล)

Teacher : Why don't you go to the library ?

(แปล) ทำไมไม่ไปห้องสมุดล่ะ

Student : Because I'm busy.

(แปล) เพราะหนูไม่ว่างค่ะ

บางคนอาจตอบว่า

Because there are not good books in the library.

หรือ Because most books are old.

Teacher : I want you to open my blog and send me e-mail.

(แปล) ครูต้องการให้นักเรียนไปเปิดบล็อกครูแล้วส่งอีเมล์

Student : But the computers are always taken.

(แปล) แต่คอมพิวเตอร์ถูกจองหมดเสมอค่ะ

Teacher : I know . But why don't you go first?

(แปล) ครูรู้ค่ะ แต่ทำไมเธอไม่ไปก่อนเขาล่ะ

Student : You are right.

(แปล) ครูพูดถูกต้องค่ะ

โครงสร้างไวยากรณ์ (Grammar)

การใช้ Why don't ...........+ กริยาช่องที่ 1 .....? ถามเพื่อแสดงการเสนอแนะ

การใช้รูป passive voice (คือใช้ is,am ,are,was,were + กริยาช่องที่ 3 หมายถึง"ถูกกระทำ")

คำศัพท์

lunch = อาหารเที่ยง, after = ภายหลัง, study = อ่านหนังสือ , sweet = ของหวาน , chess = หมากฮอส , library = ห้องสมุด ,send = ส่ง , know = รู้ , first = ก่อน , always = เสมอ


See you next time.





























No comments: