Teacher : Why do you come to school ?
(แปล) นักเรียนมาโรงเรียนทำไม
Student : I come to school because I want to check my e-mail.
(แปล) หนูมาโรงเรียนเพราะอยากมาเช็คอีเมล์
หรือนักเรียนอาจตอบโดยใช้เหตุผลอื่นก็ได้ แล้วส่ง e-mail ให้ครูเช่น
-because I want to use computer.
-because I miss my friends.
-because I want to hand in my homework.
-because I want to learn.
-because I want to ride my motorcycle.
-because I want to get on the bus.
โครงสร้างไวยากรณ์ : Present Simple Tense ปัจจุบันกาล
การใช้ want to ต้องตามด้วยกริยาช่อง 1
คำศัพท์
check = ตรวจ use = ใช้ miss = คิดถึง
learn = เรียนรู้ ride = ขี่ get on = ขึ้นรถ
I have been to the post office.
I have been to Mall.
อาจตอบโดยใช้กริยาช่องที่ 2 ก็ได้
สถานการณ์ที่ 3 : นักเรียนไม่ยอมเปิดหน้าต่าง
Teacher : Why don't you open the windows?
(แปล) ทำไมไม่เปิดหน้าต่างคะ
students : Because it is cold
(แปล) เพราะอากาศหนาวค่ะ
หรืออาจฝึกการตอบ Why don't .......?โดยการตั้งคำถามง่ายๆ
คำศัพท์ : listen = ฟัง
teacher : Why don't you listen to me?
(แปล) ทำไมนักเรียนไม่ฟังครูคะ
Students : Because we are talking .
(แปล) เพราะหนูกำลังคุยกันค่ะ
โครงสร้างไวยากรณ์ : Present Continuous Tense (ใช้ is,am , are + กริยาเติม ing)
สถานการณ์ที่ 4 : นักเรียนหยิบปากกาหลากหลายสีมาไว้บนโต๊ะ
Teacher : How many colours do you have?
(แปล) เธอมีกี่สีคะ
Student : I have twelve colours. (แปล) หนูมี 12 สีค่ะ
Teacher : What colour do you like?
(แปล) เธอชอบสีอะไร
Student : I like purple. (แปล) หนูชอบสีม่วงค่ะ
Teacher : Where did you buy them ?
(แปล) เธอซื้อมาจากที่ไหน
Student : I bought them from the school co-operative.
(แปล) หนูซื้อมาจากสหกรณ์โรงเรียน
teacher : How much does it cost?
(แปล) ครูหยิบขึ้นมา 1 ด้ามแล้วถามว่า "ด้ามละเท่าไรคะ"
Student : It costs five baht .
(แปล) ราคาด้ามละ 5 บาทค่ะ
โครงสร้างไวยากรณ์ : การใช้ how many ถามว่า "เท่าไร" ใช้กับคำนามที่ นับได้
how much = ราคาเท่าไร และใช้กับคำนามที่ นับไม่ได้
คำศัพท์เกี่ยวกับสี
red = สีแดง , orange = ส้ม, green = เขียว , blue = ฟ้า ,purple = ม่วง ,black = ดำ ,
brown = น้ำตาล, yellow = เหลือง , pink = ชมพู
สถานการณ์ที่ 5 : ช่วงก่อนเทศกาลลอยกระทง 24 พฤศจิกายน 2550
Teacher : Did you go to Loy Krathong Festival last year?
(แปล) ปีกลายนักเรียนไปลอยกระทงหรือเปล่า
Student : Yes, I did. (แปล) ไปค่ะ
Teacher : Where did you go ?
(แปล) เธอไปลอยกระทงที่ไหน
Student : I went to Wat Ban Kham.
(แปล) หนูไปลอยกระทงที่วัดบ้านขาม
Teacher : What did you put in your krathong?
(แปล) เธอใส่อะไรในกระทง
Student : I put a candle , three incense sticks, some flowers and a coin.
(แปล) หนูใส่เทียน 1 เล่ม ,ธูป 3 ดอก ,ดอกไม้ และ เงินเหรียญ
โครงสร้างไวยากรณ์ :
-Past Simple tense (อดีต) คือ ใช้กริยาช่องที่ 2
คำศัพท์ : where = ที่ไหน, go/went = ไป , coin = เงินเหรียญ,
flower = ดอกไม้, candle = เทียน, incense stick = ธูป,
festival = เทศกาล, teacher = ครู, last year = ปีกลาย
สถานการณ์ 6 : วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2550 อำเภอขามสะแกแสงได้จัดงานวันพริก หลังจากวันนั้นครูจึงถามในห้องเรียน
Teacher : Did you go to Chillis Festival on Friday?
(แปล) นักเรียนได้ไปเที่ยวงานวันพริกเมื่อวันศุกร์หรือเปล่าคะ
Student : Yes, I did.(แปล) ไปค่ะ
Teacher : Would you like to see those pictures ?
(แปล) อยากดูภาพไหมคะ
Student : Sure. (แปล) อยากดูค่ะ
Teacher : Okey. Open my blog. Do you know?
(แปล) ถ้างั้นก็เปิดบล็อกของครูซิ รู้ไหมว่าบล็อกไหน
Student : Yes, I do.
(แปล) ทราบค่ะ
ศัพท์ยาก : chilli = พริก, festival =เทศกาล , Friday = วันศุกร์ , want = ต้องการ ,
see = ดู , those = เหล่านั้น , picture = รูป , go= ไป , blog = บล็อก , know= รู้ ,รู้จัก
โครงสร้างไวยากรณ์ : Grammar
Present Simple Tense (ปัจจุบันกาล)
Past Simple tense (อดีตกาล)
สถานการณ์ที่ 7 : อุณหภูมิเขตอำเภอขามสะแกแสงวันที่ 30 พ.ย. 50 คือ 18 องศาเซลเซียส
บทสนทนา(1)
Teacher : How is the weather today?
(แปล) อากาศวันนี้เป็นอย่างไรคะ
Student : It is cold . ก็หนาวค่ะ
อาจตอบอย่างอื่นได้เช่น
Student : It's cool. (เย็นสบายดีค่ะ)
It's warm. (อบอุ่นค่ะ)
It's hot. (ร้อนค่ะ)
It's beautiful. (อากาศดีค่ะ)
สนทนาต่อ(2)
Teacher : I know . It's eighteen celcious .
(แปล) ครูรู้ค่ะว่ามันหนาว ก็ 18 องศานี่คะ
ทันใดก็เหลือบไปเห็นนักเรียนกำลังเปิดสมุดกันอยู่สองคนจึงถามว่า
Teacher : What are you looking at ?
(แปล) กำลังดูอะไรกันน่ะ
Students : We are looking at some photos of football players.
(แปล) พวกผมกำลังดูรูปนักฟุตบอลครับ
คำศัพท์ : how = อย่างไร, weather = อากาศ, today = วันนี้ , cool = เย็น , warm = อบอุ่น ,
know = รู้ , celcious = เซลเซียส , look at = ดู , photo = รูป , football player = นักฟุตบอล
โครงสร้างไวยากรณ์
1. Present Simple Tense (ปัจจุบันกาล)
2. Present Continuous Tense (แสดงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น)
สถานการณ์ที่ 8 : เริ่มกล้าพูดกับครูฝรั่ง
เมื่อนักเรียนได้ฝึกโต้ตอบกับครูทุกชั่วโมง ทำให้กล้าที่จะเปิดฉากถามครูฝรั่งว่า
Udorn : Do you speak Thai?
(แปล) อุดรถามว่า "คุณพูดภาษาไทยหรือเปล่า"
John : No, I don't speak Thai.
(แปล) ผมไม่พูดภาษาไทย
จากนั้นอุดรก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาครู ถามว่า "ครูครับ..ทำไมเขาพูดไทยไม่ได้ครับ"
ครูก็ถามต่อว่า แล้วถ้าครู John ถามเธอว่า Do you speak English? ล่ะ เธอจะตอบว่าอย่างไร
อุดร : ผมก็จะตอบว่า "No."
ครูแนะนำว่า เธอตอบอย่างนี้ก็ได้นะ
"Yes, but a little."
(แปล) พูดได้นิดหน่อยครับ
สถานการณ์ที่ 9 : วันนี้ครูต้องการให้นักเรียนเปิดบล็อก
เพื่ออ่านบทสนทนา แล้วตอบคำถาม ส่งการบ้านทาง e-mail แต่ได้ยินเสียงร้องเบาๆ ครูคิดว่านักเรียนน่าจะมีปัญหา จึงถามว่า
Teacher : What do you do after lunch?
(แปล) นักเรียนทำอะไรหลังอาหารเที่ยง
Student : I study .
(แปล) หนูอ่านหนังสือค่ะ
บางคนอาจตอบว่า sit and talk (นั่งคุย)
eat sweet (กินขนม)
play chess(เล่นหมากฮอส)
play football (เล่นฟุตบอล)
Teacher : Why don't you go to the library ?
(แปล) ทำไมไม่ไปห้องสมุดล่ะ
Student : Because I'm busy.
(แปล) เพราะหนูไม่ว่างค่ะ
บางคนอาจตอบว่า
Because there are not good books in the library.
หรือ Because most books are old.
Teacher : I want you to open my blog and send me e-mail.
(แปล) ครูต้องการให้นักเรียนไปเปิดบล็อกครูแล้วส่งอีเมล์
Student : But the computers are always taken.
(แปล) แต่คอมพิวเตอร์ถูกจองหมดเสมอค่ะ
Teacher : I know . But why don't you go first?
(แปล) ครูรู้ค่ะ แต่ทำไมเธอไม่ไปก่อนเขาล่ะ
Student : You are right.
(แปล) ครูพูดถูกต้องค่ะ
โครงสร้างไวยากรณ์ (Grammar)
การใช้ Why don't ...........+ กริยาช่องที่ 1 .....? ถามเพื่อแสดงการเสนอแนะ
การใช้รูป passive voice (คือใช้ is,am ,are,was,were + กริยาช่องที่ 3 หมายถึง"ถูกกระทำ")
คำศัพท์
lunch = อาหารเที่ยง, after = ภายหลัง, study = อ่านหนังสือ , sweet = ของหวาน , chess = หมากฮอส , library = ห้องสมุด ,send = ส่ง , know = รู้ , first = ก่อน , always = เสมอ
See you next time.